แอพตรวจจับการนอน หรือแอพตรวจจับการนอน IOS กันว่าพักผ่อนได้เต็มที่มากขึ้นด้วยฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับจริงไหม ?
เคยสังเกตกันมั้ยว่าในบางครั้งเวลาที่เราตื่นนอนมาแล้วรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ทั้ง ๆ ที่เราใช้เวลานอนเยอะมากแต่กลับกันบางวันที่นอนน้อย ใช้จำนวนชั่วโมงในการนอนไม่นานแต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเมื่อตื่นนอน นั่นอาจเป็นเพราะกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราทำในแต่ละวันรวมถึงอาหาร ยาและสภาพแวดล้อมที่อาจส่งผลต่อการนอนของเรา การใช้ Apple Watch ช่วยติดตามการนอนหลับจะทำให้เรารู้ได้ว่าในแต่ละวันเรามีการหลับเป็นอย่างไร เพื่อช่วยสังเกตกิจกรรมในแต่ละวันว่าอาจจะมีกิจกรรมอะไรบ้างที่ทำแล้วส่งผลให้เมื่อนอนแล้วตื่นมาไม่สดชื่น หรือเมื่อตื่นนอนมาแล้วเรารู้สึกแจ่มใส ไม่อ่อนเพลีย
แอปการนอนหลับ (Sleep) ได้รับการปรับปรุงใหม่ใน watchOS 9 สามารถติดตามการนอนและแสดงข้อมูลเชิงลึกละเอียดมากขึ้น โดยตรวจจับว่าผู้ใช้อยู่ในระยะการนอนหลับแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นระยะหลับฝัน หลับจริง หรือหลับลึก รวมถึงเวลาที่ตื่นกลางดึกอีกด้วย โดยตรวจจับการเคลื่อนไหวและการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และ รายงานการนอนหลับในแอปสุขภาพ (Health) จะแสดงแผนภูมิเปรียบเทียบการนอน และรายละเอียดค่าวัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ช่วยให้ติดตามการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งคืนได้
วิธีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ
เปิดแอปสุขภาพใน iPhone ไปที่เลือกหาด้านล่างขวาแล้วเลือกเมนู การนอนหลับ จากนั้นแตะเริ่มต้นใต้ตั้งค่าการนอนหลับแล้วแตะถัดไป ตั้งค่ากำหนดเวลานอนหลับโดยกำหนดชั่วโมงที่ต้องการนอน เวลาที่ต้องการเข้านอนและเวลาที่จะตื่นนอน

และอย่าลืมเปิดใช้การแจ้งเตือนสุขภาพเพื่อแจ้งเตือนเวลาเข้านอนและอัปเดตการนอนหลับ

iPhone สามารถลดสิ่งรบกวนของหน้าจอล็อคและเปิดโหมดโหมดโฟกัสในเวลานอนหลับตามเวลาเข้านอนที่กำหนดไว้ได้ โดยที่เรายังสามารถเลือกให้บางคนหรือบางแอปทำการแจ้งเตือนได้ จากนั้นให้เปิดใช้งานติดตามการนอนหลับด้วย Apple Watch เมื่อเข้านอนให้เราสวม Apple Watch เพื่อติดตามการนอนหลับซึ่งจะมีตัวเลือกนี้ในระหว่างการตั้งค่า

จากนั้นให้เช็ครายละเอียดการตั้งค่าทั้งหมดแล้วกดเสร็จสิ้นเป็นอันเรียบร้อย เมื่อถึงเวลานอนก็ให้สวมใส่ Apple Watch นอนได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเราเราต้องการรับข้อมูลการนอนหลับจาก Apple Watch จะต้องเปิดใช้งานการติดตามการนอนหลับอย่างน้อย 4 ชั่วโมงในแต่ละคืน

เมื่อต้องการดูประวัติการนอนหลับให้เปิดแอปสุขภาพบน iPhone แตะเรียกดูที่ด้านล่างสุดของหน้าจอ จากนั้นแตะการนอนหลับ ถ้าใครบันทึกโหมดการนอนหลับไว้เป็นรายการโปรดสามารถเข้าถึงได้ทันทีจากหน้าสรุปในแอปสุขภาพ
โดยกราฟข้อมูลการนอนหลับของเราจะสามารถดูได้แบบรายวัน สัปดาห์ เดือนและในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และแตะแสดงข้อมูลการนอนหลับเพิ่มเติม เพื่อเลือกหมวดหมู่ดูรายละเอียดการนอนหลับเพิ่มเติม

ระยะ: ดูเวลาและเปอร์เซ็นต์ที่ใช้ในระยะตื่นหรือในระยะหลับฝัน, ระยะหลับจริง หรือระยะหลับลึก
จํานวน: ดูรายละเอียดระยะเวลาการนอนหลับ เช่น เวลาบนเตียงนอนโดยเฉลี่ยและเวลานอนหลับโดยเฉลี่ย
การเปรียบเทียบ: ดูอัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจที่เกี่ยวข้องกับเวลาที่นอนหลับ และถ้าหากใครสวมใส่ Apple Watch Series 8 หรือ Apple Watch Ultra ก็สามารถเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอุณหภูมิข้อมือในตอนกลางคืนได้อีกด้วย
▶ ราคา iPhone ทุกรุ่น เครื่องเปล่า ไม่ติดโปร
▶ ราคา Mac และ iPad ทุกรุ่น ผ่อน 0%
▶ ซื้อ Mac และ iPad ในราคาเพื่อการศึกษา